ด้วยบรรยากาศ ร้านอาหาร ที่แท้จริง ที่ทุกคนสามารถฉลอง อย่างสนุกสนาน ได้คุยกัน ได้หัวเราะอย่างมีความสุข โดยมี Michelin มอบ มิชลินสตาร์ 1 ดาว รับประกันถึงความอร่อย
เหมาะกับการใช้ช่วงเวลาพิเศษ ค่อย ๆ ซึมซับหลงใหลไปกับรสชาติ ของอาหารไทยแท้แบบต้นตำรับ มีความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลถิ่นไทยแท้ของบ้านเรา
เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่สามารถแสดงความอุดมสมบูรณ์ของ ข้าว ปลา อาหาร บนผืนแผ่นดินไทย
ในครั้งนี้คุณมก รู้สึกเป็นเกียรติได้ร่วมแสดงความยินดี กับ คุณต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี และ เชฟชุมพล แจ้งไพร เจ้าของร้าน R-HAAN / ร้านอาหาร ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิท 53 [ซอยทองหล่อ 9]
โดย R-HAAN เป็น 1 ในร้านอาหารไทย ได้รับรางวัล “มิชลินสตาร์ 1 ดาว กรุงเทพ“, จากคู่มือตามรอยของอร่อย “MICHELIN GUIDE Thailand 2019” !
FIRST IMPRESSION
เริ่มจากก้าวแรกที่ผมได้เห็นก่อนย่างกรายเข้ามาในร้านอาหาร สัมผัสได้ถึงความเรียบหรูผสมผสานกับความเป็นไทย
ตั้งแต่ประตูรั้ว และ หน้าประตูของร้าน ด้วยโลโก้ร้านตัวอักษร “อ.” ที่หมายถึง “อาหาร”, รวมถึงกราฟิคบ่งบอกถึง Concept ของร้านที่ว่า “ในน้ํามีปลา ในนามีข้าว”
ด้วย Font ภาษาอังกฤษ ได้แรงบันดาลใจจาก “เม็ดข้าว” และ ลวดลาย “สายน้ำ” บ่งบอกถึง ภูมิปัญญาคนไทย และ วิถีชีวิตของคนไทยอยู่คู่กับสายน้ำ
หลังจากที่ผลักประตูและย่างก้าวเข้าไป สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ด้วยเสียงท่วงทำนองเพลงจากเครื่องดนตรีไทย และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรไทยทั่วร้าน
รวมถึง ความอบอุ่นของอุณหภูมิห้อง ที่ทำให้ผิวรับรู้ถึงความ ไม่ร้อน และ ไม่เย็น จนเกินไป ของอากาศที่ไหลเวียนในร้าน
ATMOSPHERE
เป็นร้านอาหารที่ให้บรรยากาศมีความสุข เมื่อเทียบกับร้านสไตล์ Fine Dining ทั่วไป เมื่อขณะกินอาหารทำได้เพียงแค่นั่งสบตา แล้วทานอาหารด้วยกันเงียบ ๆ
แต่ R-HAAN กลับให้บรรยากาศของ “ร้านอาหาร” ที่ควรจะเป็น มีทั้งเสียงหัวเราะ และ เสียงพูดคุย ในบรรยากาศของช่วงเวลาพิเศษ มาเฉลิมฉลองและมีความสุข ที่ได้เจอกับเพื่อน
ภายในร้านใช้โทนสีขาวให้ความรู้สึกสะอาด โปร่ง โล่ง สบาย เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นด้วย เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้ และ แสงไฟโทนอุ่น
ประดับร้านด้วยศิลปะไทยแท้ ทั้งจิตรกรรมภาพลวดลายไทย รวมถึง ประติมากรรม หน้าบัน ที่ห้องอาหาร และ รูปปั้นเกี่ยวกับ วัฒนธรรมผสมของคนไทย ที่แนวผนังทางเดินสู่ห้องน้ำ
และยังมี ชุดประติมากรรม ภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของคนไทย ตั้งบอกเรื่องราว อยู่บริเวณระเบียงข้างสวนหย่อม
SPACES
ด้วยการออกแบบพื้นที่มาอย่างดี ภายในร้านมีอาณาเขตอยู่ 3 ส่วนให้ผู้มาเยือนได้เลือกตาม Lifestyle, ส่วนแรกเป็นมุมโซฟา ชวนให้นั่งผ่อนคลาย มีบาร์ให้สั่งเครื่องดื่มมาจิบเบา ๆ
ถัดมาเป็น พื้นที่โถงห้องอาหาร ผมชอบแสงไฟของพื้นที่นี้เป็นพิเศษหากมาในยามค่ำคืน เป็นแสงที่พอดีกับการจดจ้องอาหารตรงหน้า รวมถึงมีมุมน้ำตกเล็ก ๆ ด้านนอก ข้างหน้าต่าง ซึ่งเหมาะสำหรับเป็นมุมดินเนอร์กับคนรัก
และส่วนสุดท้ายเหมาะกับมาเป็นกลุ่มใหญ่ ห้องส่วนตัว, ให้บรรยากาศของสวนในร่ม มีแสงแดดอ่อน ๆ ลอดลงมาจากหลังคาบางช่วงที่เป็นกระจกโปร่งแสง และมองเห็นสวนสวยเล็ก ๆ สีเขียวสบายตาด้านนอกได้ ในเวลากลางวัน
มีไฮไลท์คือ โต๊ะยาว, มีหน้าโต๊ะไม้ไร้รอยประกบ เต็มทั้งแผ่นไม้ตลอดแนวต้นของต้นไม้ใหญ่ !
FOOD
ให้บริการในรูปแบบ Fine Dinning ค่อยๆ ทยอยออกมาให้ลิ้มรส และตบด้วยชุดสำรับ ก่อนปิดท้ายด้วยของหวาน,
นอกจากใช้วัตุถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล ที่ได้มาตรฐาน จากแหล่งในประเทศไทย การดึงสเน่ห์ของอาหารไทยออกมาให้ได้มากที่สุด คืออีกจุดที่น่าสนใจ



ด้วยการเล่นกับประสาทรับรส มีทั้ง เผ็ด เค็ม หวาน เปรี้ยว ขม ฝาด มัน รวมถึงการรังสรรเมนูจาก แรงบันดาลใจที่ได้จาก วัฒนธรรมการกินของแต่ละพื้นถิ่นของไทย และ เมนูอาหารในประวิติศาสตร์ จาก จดหมายเหตุ



ยกตัวอย่างที่ผมประทับใจสุด ๆ กับ เมนู “ก้อย Black Angus” จากแนวคิด การเฉลิมฉลองของชาวนา หลังจากที่ร่วมแรงร่วมใจเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ หรือ ในหมู่บ้านมีงานบุญ ก็จะทำการ “ล้มวัว” ฉลองเป็นมื้อพิเศษกินทั้งหมู่บ้าน

และเมนู “สามสายสามกษัตริย์ต้มกะทิ” เป็นเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ข้าวต้มที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงประดิษฐ์ขึ้นมี ปลาทู หมึกสด และ กุ้ง เป็นวัตถุดิบหลัก


จากเนื้อความบันทึก “จดหมายเหตุการเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ 5”
จดหมายฉบับที่ ๕ เขียนที่เมืองเพชรบุรี วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗)
“วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๓ เวลาเช้า เสด็จประทับเรือฉลอมไปทอดพระเนตรละมุที่ปากอ่าวแม่กลอง ทรงซื้อกุ้ง ปลา ที่เขาจับได้ตามละมุแล้วต้มข้าวต้มสามกษัตริย์ขึ้นในเรือฉลอม คือใช้ปลาทู กุ้ง กับปลาหมึกสด เป็นของทรงประดิษฐ์และเสวยในเช้าวันนั้น …”
SERVICE
นอกจากรสชาติและคุณภาพอาหารที่มี มิชลินสตาร์ 1 ดาว รับรองเรื่องความอร่อยแล้ว ความใส่ใจที่มอบให้ลูกค้าก็ไม่หย่อนไปกว่ากัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมประทับใจในระหว่างใช้บริการ

อย่างเช่น แนะนำลำดับการกิน ว่าควรกินเมนูใดเป็นลำดับแรกก่อน / จานร้อนก็ร้อนจริง ๆ และยังแยกลวดลายระหว่าง หญิง ลายปลา กับ ชาย ลายดอกบัว / ถ้วยใส่ข้าวร้อนนานมาก ได้ข้าวที่ร้อนกำลังดีในช่วงเวลาที่นานมากขึ้น

จึงทำให้ผมรู้สึกว่า ใครก็ตามที่ได้มาทานที่ ร้านอาหาร แห่งนี้นอกจากความอร่อยของอาหาร ยังได้ความประทับใจ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกอยากมาซ้ำอีกหลายรอบ
MICHELIN STAR
หลายคนอาจสงสัยว่า การประเมินรางวัล Michelin Star มีหลักเกณฑ์อย่างไร ? การประเมินมี 5 หัวข้อหลัก ๆ คือ
1. คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้
2. ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการทำอาหาร
3. เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่สะท้อนออกมาในอาหารและประสบการณ์ในมื้อนั้น
4. ความคุ้มค่าสมราคา
5. ความสม่ำเสมอ
ซึ่งรางวัลต่าง ๆ ที่ร้านอาหารได้รับจาก มิชลิน ไกด์ ในแต่ละปี เป็นผลลัพธ์ที่มาจาก การประเมิน และตัดสินร่วมกันของ “ผู้ตรวจสอบ” หลายท่าน ที่ไม่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นใคร
แวะเวียนไปหลายครั้ง แบบสุ่มวัน และ เวลา รวมถึงผู้ตรวจสอบ จนมั่นใจว่า ร้านอาหารแห่งนั้น เป็นร้านที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของมิชลินจริง ๆ ร้านอาหาร จึงได้รับ MICHELIN STAR เริ่มต้น ที่ มิชลินสตาร์ 1 ดาว